การเลือกซื้อรถยนต์มือสอง พอแต่ละท่านถูกอกถูกใจในรถยนต์นั้น ก็ได้ตกลงปลงใจวางเงินมัดจำ หลังจากนั้น ทางเต้นท์รถก็นัดท่านเสร็จสรรพ เพื่อจัดไฟแนนซ์
แต่ผลดันออกมาว่าไม่ผ่าน ทั้งๆ ที่นัดแนะกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าผ่าน ชัวร์  !!!

ทั้งนี้ก้อต้องย้อนมาดูว่า ผิดที่เขา หรือ ผิดที่เรา
 1.) ถ้าข้อมูลทุกอย่างที่เราให้ไปเป็นความจริง และทุกสิ่งที่เต้นท์ให้ความมั่นใจ แต่ผลกลับไม่ผ่าน อันนี้เดินไปเลยค่ะ เดินไปหาเขาเลย บอกขอเงินมัดจำคืน
ถ้าอิดออดไม่ให้คืน ก็ไปแจ้งความเลยค่ะ.... คนส่วนใหญ่ไม่กล้า

2.) เกิดจากเราปิดบังบางข้อมูล หรือ ให้ข้อมูลเป็นเท็จไป  แสดงว่าความผิดนั้น มันมาจากคุณเต็มๆ เลย..... คุณก็ดูใจดำเกินไป ที่จะไปขอเงินมัดจำคืน
ทีนี้ ได้คืน ไม่ได้คืน ก็แล้วแต่บุญแต่กรรม อยุ่ที่ความใจดีของเจ้าของเต้นท์เลยหละ
       หลักๆ เราก็ต้องดูว่าเนื้อหาในหนังสือวางมัดใจที่คุณได้วางไว้กับเขารัดกุมเพียงไร ตามหลักแล้วตั้มเองไม่เคยยึดเงินมัดจำลูกค้าเลย เพราะสงสาร



ทางกฏหมาย
การ ที่ท่านได้จ่ายเงินจองรถไว้กับบริษัท  เป็นเงินจำนวน 5,000  บาท ย่อมเป็นพยานหลักฐานว่าสัญญาของรถระหว่างท่านกับบริษัทได้ทำกันขึ้นแล้ว  และเงินจองนี้ย่อมเป็นประกัน  การที่จะปฏิบัติตามสัญญานั้นด้วย  ตาม ป.พ.พ. มาตรา 377  ดังนั้น  หลังจากที่ท่านได้วางเงินจองรถ  แต่ก็รอการอนุมัติจากไฟแนนซ์  ซึ่งไม่ได้รับการติดต่อและไม่รู้ว่าจะผ่านการอนุมัติจากไฟแนนซ์  การทำสัญญาเช่าซื้อระหว่างท่านกับไฟแนนซ์ไม่อาจเกิดมีขึ้นได้  โดยเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้ที่จะทำสัญญาเช่าซื้อตกเป็นพ้นวิสัย  เพราะการที่ไฟแนนซ์ไม่อนุมัติให้ท่านนั้น  เป็นพฤติกาณณ์ที่ท่านไม่ต้องรับผิดชอบและจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้  ตาม ป.พ.พ. มาตรา 219  และมาตรา 372  ฉะนั้น  จะต้องคืนเงินจองให้แก่ท่านตามกฎหมาย  และท่านย่อมมีสิทธิเรียกคืนเงินจองจากบริษัทดังกล่าวได้

Credit :Car2home